วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559

ฉันดีขึ้นเพราะวัดพระธรรมกาย




             เวลาเราทำอะไรอย่างหนึ่ง เรามักมีเป้าหมายในใจว่าสิ่งนั้นจะเกิดประโยชน์อะไรกับตนเอง เพราะเราล้วนแต่หวังสิ่งดีงามให้กับชีวิตตนให้งอกงามเพิ่มพูนกันทั้งนั้น แต่ล้วนแตกต่างกรรมวิธีด้วยอาศัยพื้นฐานทางภูมิปัญญาที่สั่งสมบ่มมา และอาศัยฐานที่เรียกว่าสัมมาทิฏฐิที่มีเค้ามาจากโยนิโสมนสิการเป็นตัวตัดสินว่าสิ่งเหล่านั้นชอบต่อธรรมหรือไม่
             ความที่หลายๆคนบนโลกนี้ขาดสัมมาทิฏฐิและโยนิโสมนสิการ ทำให้เรามักเลือกของเกิดโทษให้ตนเองโดยไม่รู้ตัว ประหนึ่งไม่รู้ว่าทิศใดคือเหนือทิศใดคือใต้ บ่ายหน้าไปสู่หนทางนั้นด้วยหวังจะเจอสิ่งดีๆ แต่กลับได้สิ่งตรงกันข้ามเสียแทน กลายเป็นเรื่องน่าเศร้าเพราะชีวิตเมื่อพลาดในเส้นทางชีวิตแล้ว มักย้อนกลับแก้ไขได้ยากมาก ยิ่งหากลาโลกไปพร้อมกับทางสายนั้น อบายทั้งหลายจักตะครุบคืบกินกลืนไม่อาจฝืนจากบ่วงนี้ได้อีกนานแสนนาน
             เขาทั้งหลายที่พลาดไปจะว่าน่าสงสารก็ว่าได้ เพราะความไม่รู้เท่านั้นทำให้เราแย่ลง หลงทาง และย่างก้าวไปสู่ความเป็นเราในด้านที่เลวร้ายลงไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีใครมาบอกเขาว่าอะไรที่ควรหรือไม่ควรทำ อีกทั้งไม่รู้ว่าจะเอาใครเป็นต้นแบบที่เห็นได้ด้วยตา มาดูให้ชัดและทำตามให้ครบ จึงจะได้ไปสู่เส้นทางสว่างคือสุคติและนิพพาน
             ฉันโชคดีที่ชีวิตนี้ก่อนนั้นก็เคยหลงทางเหมือนคนส่วนใหญ่ เคยเป็นคนที่กำลังก้าวไปสู่ด้านที่เลวร้ายลงไป เพราะไม่รู้ว่าคนเราจะดีแค่ไหนจึงจะพอ ไม่รู้ว่าจะทำตามใครจึงจะเรียกว่าดี ความรู้ในสิ่งเหล่านี้มันน้อยเหลือเกิน ท่ามกลางหมู่คนที่มืดบอดเหมือนๆกัน แต่คงเพราะบุญพาวาสนาส่ง ฉันจึงได้มาเจอวัดพระธรรมกาย ชีวิตที่เคยคิดว่าดีจึงรู้ว่ามีดีกว่า ชีวิตที่เคยหลงทางก็เริ่มเห็นทาง ชีวิตที่กำลังย่างก้าวสู่บ่วงอบายก็รอดไปได้ ด้วยคำสอนของหลวงพ่อธัมมชโยและวัดพระธรรมกายจริงๆ นอกจากจะสอนให้เอาตัวรอดไปสู่ทางสว่างได้ ยังไม่พอ ยังสอนให้ฉันมองเห็นคนหลงทางอีกมากมายที่รอการช่วยเหลือก่อนที่จะสายเกินไป สอนให้ฉันมีหัวใจที่ใหญ่กว่าตัว สอนให้ฉันหาที่พึ่งและสอนให้คนหาที่พึ่งจนพบ นี่คือเรื่องอัศจรรย์ในชีวิตจริงๆที่คนๆหนึ่งแบบฉันจะเป็นไปได้แบบนี้ในวันนี้ ฉันดีขึ้นเพราะวัดพระธรรมกาย วัดทำให้ฉันสว่างพอที่จะช่วยชาวโลกให้สว่างไปด้วยกัน

1 ความคิดเห็น: