วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559

หลวงพ่อธัมมชโยให้อะไรแก่ฉัน


          พ่อแม่ให้อะไรดีๆแก่ฉัน?
          ครูบาอาจารย์ท่านมีพระคุณอย่างไร?
          ทำไมต้องเป็นคนดี?
          เราต้องมีความกตัญญูกตเวทีใช่ไหม? ฯลฯ
          ขบวนคำถามเหล่านี้ล้วนเป็นคำถามที่ทำให้เราระลึกถึงความดีของคนอื่น ระลึกถึงความดีของตนเองที่ได้รับการสั่งสอนจากคนอื่น ได้รับสิ่งดีๆมาจากคนอื่นแล้วปรับใช้กับตัวเรา มีคำถามประเภทนี้อีกมากมายซึ่งสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์ แต่เพราะส่วนใหญ่เราไม่ค่อยนึกถึงคุณความดีกันเท่าไร ทำให้มองความดีของคนอื่นไม่ค่อยออกอย่างแท้จริง พอมองความดีคนอื่นไม่ออกก็เลยไม่ค่อยได้ตระหนักว่าแท้จริงแล้วที่โลกใบนี้ยังคงมีความงดงามและที่เรารอดพ้นเติบใหญ่โตมาขนาดนี้ก็เพราะความดีของคนต่างๆที่ผ่านมาในชีวิตของเรา เขาไม่ปล่อยให้เราตกไปในที่ชั่ว ปรารถนาให้เราเป็นคนที่ดีกว่า กว่าวันวานของเรา หล่อหลอมฟูมฟักจนเรากลายเป็นคนโตๆเอาตัวรอดในโลกใบนี้ได้อย่างมีสุข
           อย่าบอกนะว่าคุณๆดีได้ด้วยตัวเองทันทีหรือเอาตัวรอดได้ทันทีที่เกิดมาลืมตาดูโลก ถ้าไม่ได้ความรักและความเอื้อเฟื้อจากคนที่โตๆก่อนเรา สงสัยเราคงจะแย่ โลกจึงอยู่ได้ด้วยความดีที่สืบๆต่อกันมา จะเรียกว่าคุณธรรมและมโนธรรมก็คงไม่ผิด
           ถ้าจะให้พูดกันตรงๆที่อุตส่าห์เชยชมความดีของคนทั้งหลายมากมาย แท้จริงเขาเหล่านั้นก็ล้วนยังลำบากเพราะไม่รู้คตอภายภาคหน้า ทั้งหมดที่กล่าวมาก็แค่ทำให้เรารอดชีวิตไปวันๆแค่นั้น ยังไม่รับประกันว่าเราจะรอดในวังเวียนวนไปมาของการเวียนว่ายตายเกิด ต่อให้เราดีขนาดไหน แต่ถ้ายังไม่เข้าใกล้ความบริสุทธิ์ก็ถือว่ายังไม่ได้ทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เป็นแก่นของพระพุทธศาสนาให้ครบ นั่นคือ การละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส
          การทำใจให้ผ่องใสมีแต่ในพระพุทธศาสนาเพราะเป็นศาสนาเดียวที่พาเราไปเห็นต้นเหตุของการที่เราไม่บริสุทธิ์ และบอกวิธีการกำจัดความไม่บริสุทธิ์นั้นเป็นลำดับๆไป
         ฉันเองตั้งแต่เด็กๆก็คิดในใจเสมอว่าจะมีใครนำหนทางพระนิพพานมาบอกกล่าวและสอนให้ทำเป็นหรืออย่างน้อยที่สุดก็ขอให้อยู่ในเส้นทางที่จะนำพาไปที่สุดแห่งทุกข์นี้ได้ อ่านหนังสือมาเสียมากเจอแต่ว่าพิจารณาอริยสัจ 4 แล้วจะกำจัดกิเลสได้ พิจารณาด้วยปัญญาตัวหลายรอบก็ยังไม่หมดกิเลสสักที เราทำอะไรผิดหนอ หรือว่าจริงๆแล้วอริยสัจไม่ใช่การตรึกนึกคิด แต่เป็นสิ่งที่เหนือไปกว่านั้น
         จวบจนศึกษาไปมากขึ้นจึงเข้าใจเพิ่มว่าอริยสัจเกิดจากภาวนามยปัญญา แต่ก็ยังทำไม่เป็นอยู่ดีการภาวนา ท่องๆนี่เรียกภาวนาหรือเปล่า ท่องมาตั้งนานปัญญาก็ยังไม่เกิด ไปถามใครก็คลุมเครือให้คำตอบไม่ได้สักที เลยต้องพับความคิดนี้ไว้ชั่วคราวเพราะพบทางตัน
         จนได้มาศึกษานี่แหละที่วัดพระธรรมกาย ใช่แล้ววัดพระธรรมกายที่ดังๆนั่นแหละ ที่มีเจ้าอาวาสชื่อหลวงพ่อธัมมชโย ที่ท่านเป็นศิษย์เอกของคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูงผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย ซึ่งคุณยายก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากพระมงคลเทพมุนีหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ ที่ท่านได้นำวิธีการพบอริยสัจในตัวผ่านภาวนามยปัญญาจนกระทั่งเข้าถึงพระธรรมกาย ยืนยันว่าความบริสุทธิ์ที่ทำใจให้ผ่องใสทำได้จริง ซึ่งวัดพระธรรมกาย หลวงพ่อธัมมชโยท่านก็ตั้งชื่อมาจากผลของภาวนามยปัญญา จะได้ให้คนระลึกว่าเกิดมาเพื่อมาเข้าถึงพระธรรมกายที่มีอยู่จริงในตัว
         ฉันเองก็มาพิสูจน์ตัวเองว่าวัดพระธรรมกายนั้นจะนำพาฉันไปยังเป้าหมายคือนิพพานได้ไหม ที่หลวงพ่อธัมมชโยท่านสอนจะนำพาฉันไปนิพพานได้ไหม ผ่านการทำสมาธิอย่างจริงจังแต่ไม่เคร่งเครียด เอาใจวางไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ที่หลวงพ่อธัมมชโยท่านบอกให้รักษาใจอยู่ที่นี่ให้ได้ตลอดเวลา สิ่งที่ได้ในตอนนี้แม้ว่าจะยังไม่ได้เข้านิพพานไปจริงๆ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าพระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ที่ฉันทำสมาธิมาถึงจุดนึงก็เริ่มจะเข้าใจถึงความสุขภายในที่เกิดขึ้นจากใจหยุดนิ่ง สมดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าสุขอื่นนอกจากการหยุดการนิ่งเป็นไม่มี คำสอนที่หลวงพ่อธัมมชโยให้ทำ สอดคล้องกับที่พระพุทธเจ้าตรัส ฉันจึงมั่นใจว่ามาถูกทางแล้ว ความสุขและความหยุดนิ่งนี้มันพิสูจน์ได้ด้วยการปฏิบัติเอง และประสบการณ์ภายในก็เป็นตัวบอกว่าฉันทำถูกแล้ว ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ ปัญญาชนพึงรู้ได้ด้วยเฉพาะตนเองนี่เรื่องจริง
          ถ้าจะถามคำถามเดียวกันกับคำถามเริ่มต้นว่า หลวงพ่อธัมมชโยให้อะไรดีๆแก่ฉัน คำตอบสูงสุดคำตอบเดียวที่จะบอกคนถามก็คือ(จริงๆที่ดีๆได้มาจากหลวงพ่อท่านมีอีกมากมายหลายประการนัก)
                                                  หลวงพ่อธัมมชโยท่านให้หนทางนิพพานแก่ฉัน
 

1 ความคิดเห็น:

  1. ดีครับถ้าใส่ภาพด้วยก็จะดียิ่งขึ้น เขียนต่อไปครับเป็นกำลังใจให้!

    ตอบลบ